เฮ2เกมรวด

เฮ2เกมรวด “อัศวินสีส้ม” ผลงานสุดร้อนแรงข้างหลังเชือด ออสเตรีย 2-0 เก็บ 6 คะแนนเต็มจากการลงไปในสนาม 2 นัดหมาย

เฮ2เกมรวด “อัศวินสีส้ม” ผลงานสุดร้อนแรงข้างหลังเชือด ออสเตรีย 2-0 เก็บ 6 คะแนนเต็มจากการลงไปในสนาม 2 นัดหมาย ซิวแชมป์กลุ่มพร้อมยืนยันเข้าไปเล่นในรอบ 16 กลุ่มในที่สุด เป็นระเบียบ ส่วนทาง ออสเตรีย ยังมีหวังจำเป็นต้องลุ้นนัดหมายในที่สุด

เกมดวล ยูเครน ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบท้ายที่สุด นัดสองกลุ่มซี คืนวันพฤหัสบดีก่อนหน้าที่ผ่านมา สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบท้ายที่สุด นัดสอง กลุ่มซี ประจำคืนวันพฤหัสบดีที่ 17 เดือนมิถุนายน 2564

ที่สนาม โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า เมือง อัมสเตอร์ดัม ประเทศ เนเธอร์แลนด์ เป็นการเจอกันระหว่าง ฮอลแลนด์ ดวล ออสเตรีย โดยทั้งคู่ทีมต่างเก็บ 3 คะแนนในนัดหมายเปิดฉากสนาม แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ผู้ฝึกสอนทีมชาติฮอลแลนด์

พาทีมเบียดชนะยูเครนแบบหวุดหวิด 3-2 ในนัดเปิด เป็นการคว้าชัย 2 นัดติดและไม่แพ้มา 5 เกมแล้ว ทางด้าน ฟรังโก้ โฟด้า ผู้ฝึกสอนทีมชาติออสเตรีย พาทีมชนะมาซิโดเนียเหนือ 3-1 ในนัดเปิด เป็นการคว้าชัยครั้งแรกในรอบ 4 เกม

ประเดิมครึ่งแรก 5 นาทีเกมเปิดแลกเปลี่ยนกันบันเทิงใจ ออสเตรีย ได้เสียวก่อนจากจังหวะทางด้านซ้ายของ อันเดรียส อูลเมอร์ แหวกเข้าจุดโทษโดน เดนเซล ดุมฟรีส์ ตามมาแทรกร่วงลงไป ผู้ตัดสิน ยังใจแข็งไม่เป่าให้เป็นจุดลูกโทษ

จากจังหวะสม่ำเสมอ “อัศวินสีส้ม” โต้กลับบ้างจากความรู้ความเข้าใจส่วนตัวของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง พาบอลแหวกหนีผู้เล่น ออสเตรีย ทั้งยังแผงก่อนฝากออกซ้ายให้ แพทริค ฟาน อานโฮลท์ แทงเข้าจุดโทษแต่ว่าแรง วูท เว็กฮอร์สท์ ตามมาเล่นไม่ทัน

นาทีที่ 10 ฮอลแลนด์ มาทะยานออกนำ 1-0 จากจังหวะบกพร่องของ ดาวิด อลาบา เสียท่าย่ำใส่ข้อเท้า เดนเซล ดุมฟรีส์ บนเส้นกรอบจุดโทษฝั่งชวา ผู้ตัดสิน ชั่งใจขอวิ่งออกไปดู วีเออาร์ ก่อนหันกลับมาชี้เป็นจุดลูกโทษ เมมฟิส เดอปาย สังหารเข้าไปไม่พลาด

ถัดมานาทีที่ 24 ออสเตรีย หวุดหวิดงานเข้าจากจังหวะบอลทุ่มทางด้านขวา ดาวิด อลาบา พลาดปลดปล่อยบอลตกพื้นโดน เมมฟิส เดอปาย สอดมาฉกพาเข้าจุดโทษก่อนซัดด้วยขวายัดเสาแรกเสียดายติดไซค์ก้อยเข้าข้างตาข่าย

3 นาทีถัดมา ออสเตรีย พยายามเร่งเครื่อง คริสโตฟ ค่อยม์การ์ทเนอร์ พาบอลเข้าจุดโทษฝั่งซ้ายก่อนตัดเข้าในปั่นด้วยขวาติดหัว มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ ยืนขวางบล็อคช่วย มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก เอาไว้ได้

นาทีที่ 35 จากจังหวะเพิ่มเติมสูงของ มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์ ขยับขึ้นมาทางกรอบจุดโทษฝั่งซ้ายก่อนทดลองซัดไกลบอลส่ายติดไซค์ก้อยผ่านมือ มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก บินผ่านคานออกไปนิดหนึ่ง บ้านผลบอลทีเด็ด

5 นาทีถัดมา “อัศวินสีส้ม” เสียโอกาสทองคำจากจังหวะทางด้านซ้ายของ แพทริค ฟาน อานโฮลท์ ทิ้งยาวผ่านมาเสาไกลให้ วูท เว็กฮอร์สท์ ใส่มาเก็บบอลในจุดโทษก่อนตบมอบให้พานให้ เมมฟิส เดอปาย ชาร์จง่ายๆหน้ากรอบ 6 หลาเหาะผ่านคานเกินจริง

เฮ2เกมรวด

หมดครึ่งเวลาแรก ฮอลแลนด์ 1 ออสเตรีย 0

เฮ2เกมรวด 60 นาทีผ่าน ฮอลแลนด์ หวิดบวกสกอร์เพิ่มจากลูกเตะมุมทางด้านซ้าย เมมฟิส เดอปาย วางลึกมาเสาไกลให้ วูท เว็กฮอร์สท์ กระแทกชงมาหน้าประตูถึง สเตฟาน เดอ ฟรายจ์ โหม่งจ่อๆติดเซฟ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผวาปัดมาเข้าทาง มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ ซ้ำอีกครั้งติดบล็อคเฉี่ยวเสาหลุดออกข้างหลัง

แต่ว่าแล้วนาทีที่ 67 “อัศวินสีส้ม” ทิ้งห่างเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับ เมมฟิส เดอปาย ถอยมาเก็บบอลกลางสนามก่อนตวัดเร็วให้ ดอนเยลล์ มาเล็น หลุดผู้เดียวกระชากเข้าจุดโทษได้โอกาสดีดออกขวาถึง เดนเซล ดุมฟรีส์ ใส่มาแปติดปลายมือ ดาเนี่ยล บัคมันน์ แม้กระนั้นยังดีพอเพียงซุกก้นตาข่าย

นาทีที่ 71 ออสเตรีย หวุดหวิดตีไข่แตกจากลูกเตะมุมทางขวามือบอลมาตกใส่หัว ซาซ่า คาลัดจ์ซิช กระแทกไปไถลต้นขา โอเวน ไวน์ดัล แปลงทางผ่านหน้าประตูถากเสาออกข้างหลังนิดนึง

10 นาทีท้ายที่สุด สมาชิกของ ฟรังโก้ โฟด้า พากเพียรเร่งเครื่องได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของ ดาวิด อลาบา หวดด้วยซ้ายบอลส่ายถากเสาไกลออกไปโดย ออสเตรีย ยังยิงไม่ตรงกรอบแม้กระทั้งครั้งเดียว

นาทีที่ 85 ออสเตรีย มายิงตรงกรอบครั้งแรกเป็น ซาซ่า คาลัดจ์ซิ ถอยมายกบอลเข้าจุดโทษให้ คาริม โอนิซิโว ขึ้นดีมากยิ่งกว่าแนวรับ ฮอลแลนด์ กระแทกในกรอบ 6 หลาไปเข้ามือ มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก รับไว้ได้อย่างง่ายดาย ต่อไปไม่มีสกอร์เพิ่มจบเกม ฮอลแลนด์ 2 ออสเตรีย 0

รายชื่อนักฟุตบอลที่ลงในสนามตัวจริง ฮอลแลนด์ (5-3-2) : มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก – เดนเซล ดุมฟรีส์, มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์, สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, ดาเล่ย์ บลินด์ (นาธาน อาเก้ น.64), แพทริค ฟาน อานโฮลท์ (โอเวน ไวน์ดัล น.65) – มาร์เท่น เดอ รอน (ไรอัน คราเฟนแบร์ค น.74), จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เฟรงกี้ เดอ ย็อง – วูท เว็กฮอร์สท์ (ดอนเยลล์ มาเล็น น.64), เมมฟิส เดอปาย (ลุค เดอ ยอง น.82)

ผู้ฝึกสอน : แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ออสเตรีย (4-4-2) : ดาเนี่ยล บัคมันน์ – สเตฟาน ไลเนอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช (ฟิลิปป์ ลีนฮาร์ท น.84), มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์, อันเดรียส อูลเมอร์ – คริสโตฟ เบาม์การ์ทเนอร์ (วาเลนติโน่ ลาซาโร่ น.70), คอนราด ไลเมอร์ (ฟลอเรียน กริลลิตช์ น.61), ซาเวอร์ ชลาเกอร์ (คาริม โอนิซิโว น.84), ดาวิด อลาบา – มาร์เซล ซาบิตเซอร์, มิคาเอล เกรกอริทช์ (ซาซ่า คาลัดจ์ซิ น.62) ตามจิกไม่เลิก

By admins